เบต้ากลูแคน ภูมิแพ้ ไซนัส การศึกษาและงานวิจัยเกียวกับเบต้ากลูแคนกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ใน ปี คศ.1960 (พศ.2503) ดร.นิโคลัส ไดลูซิโอ และคณะวิจัยได้พิมพ์รายงานออกมาเพื่ออธิบายถึงกลไลการทำงานของ เบต้ากลูแคน ต่อการต้านเชื้อแบคทีเรีย และวิธีระงับการเกิดมะเร็ง(Di Luzio NR, int. J Cancer)

 จากการสังเกตของทีมวิจัย ดร. นิโคลัส มีผลออกมาว่า การสร้างภูมิต้านทานของเบต้ากลูแคนเกิดจากกระบวนการกระตุ้นการทำหน้าที่ของ เซลล์เม็ดเลือดขาวเมคโครเฟจ (Macrophage) หรือเซลล์ภูมิคุ้มกันชนิดกินเชื้อโรค (Phagocyte) เซลล์ที่มีคุณสมบัติกินสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ รวมถึงเซลล์เพชฆาต NK Cell ซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวใหญ่มีจุดรับเฉพาะการกระตุ้นเฉพาะเบต้ากลูแคนเท่า นั้น กล่าวคือ เซลเม็ดเลือดขาวเหล่านี้เมื่อได้รับเบต้ากลูแคนเข้าไปจะทำให้มันมีพลังและ กินผู้รุกรายและสิ่งทีผิดปกติในร่างกายได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก นักวิทยาศาสตร์บางท่านยังมีความเห้นว่า เบต้ากลูแคนคือ อาหารพิเศษของกลุ่มเม็ดเลือดขาว ซึ่งถ้าเม็ดเลือดขาวได้รับเบต้ากลูแคนเข้าไป จะมีพลังเพิ่มอย่างมหาศาล เพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย

เบต้ากลูแคนช่วย กระตุ้นไขกระดูกให้สร้างเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น นอกจากเบต้ากลูแคนจะกระตุ้นภูมิต้านทานร่างกายให้ดีขึ้น แล้ว ยังช่วยเพิ่มปริมาณของเม็ดเลื่อดขาวที่ผลิดออกมาที่ไขกระดูก (Bone Marrow) ได้ด้วย เมื่อร่างกายได้รับเบต้ากลูแคน เข้าไป เบต้ากลูแคนจะทำหน้าที่ปรับระดับภูมิต้านทานที่ผิดปกติ ควบคุมการหลั่งสารแอนติบอดี้ และเซลล์เม็ดเลือดขาว ก็จะจัดการกับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายและคอยห้ามการทำลาย เซลล์ร่างกายพวกเดียวกัน กล่าวง่ายๆคือ เบต้ากลูแคนจะช่วยให้เม็ดเลือดขาวทำงานฉลาดขึ้นด้วย ไม่ทำงานผิดพลาด ปรับสมดูลภูมิคุ้มกันร่างกาย เบต้ากลูแคน รูปแบบเจล ยังช่วยทาผิวและลดการอักเสบผื่นแพ้คันได้

ทำความรู้จักกับโรคภูมิแพ้

โรค ภูมิแพ้ (Allergy) คือความผิดปกติจากภาวะภูมิไวกว่าปกติของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ต่อสิ่งภายนอกที่มาเร่ง หรือเรียกว่า สารก่อภูมิแพ้ ที่เข้ามสู่ร่างกาย เช่น ไรฝุ่น เกสรดอกไม้อาหาร ขนสัตว์ ฯลฯ เมื่อร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้ ร่างกายเกิดการหลังสารชนิดหนึ่งมีชื่อว่าอิสตามีน (Histamine) ออกมาและมีปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายตามบริเวณต่างๆ เช่นผื่นคัน ลมพิษ แสบตา ตาแดง บวม น้ำหมูกไหล หายใจติดขัด แน่นจมูก เยื่อจมูกอักเสบ ในบางรายรุนแรงมากขึ้น และถึงขั้นเสียชีวิตได้

สารก่อภูมิแพ้ :ไรฝุ่น, เกสรดอกไม้, และหญ้า, ขน(แมว สุนัข ม้า), แมลงสาบ เชื้อรา, อาหาร, ยา, ยางพารา, นมวัว, นมถั่วเหลือง,อาหารทะเล ,แป้งสาลี
โรคที่เกิดจากภูมิแพ้ :โรคหอบหืด, ลมพิษ, แพ้อาหาร, ไซนัส โพรงจมูกอักเสบ, คัดจมูก, แพ้แมลง
สาเหตุของภูมิแ้พ้ที่พบ: กรรมพันธุ์ และ สิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัย
การตรวจร่างกายว่าแพ้สารก่อภูมิแพ้อะไรบ้าง : การทดสอบผิวหนัง และ การตรวจเลือด
การรักษาภูมิแพ้ในปัจจุบัน: หลีกเลี่ยงสิ่งที่รู้ว่าแพ้ การใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ เช่นพ่นยา หรือยารับประเทาน มีการรักษาภูมิแพ้แบบฉีดวัคซีน และผังเข็ม

การปฏิบัติตัวเมื่อรู้ว่าเป็นโรคภูมิแพ้
  - หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ ที่รู้ว่าแพ้
  - ไม่เลี้ยงสัตว์ที่มีขนไว้ในบ้านโดยเฉพาะในห้องนอน อาจจะเลี้ยงอย่างอื่นแทน เช่น ปลา
  - ไม่ควรตกแต่งห้องนอนด้วยพรม หรือมีตุกตา ห้องนอนไม่ควรจะมีชั้น หรือหนังสือ เพราะจะเป็นตัวเก็บฝุ่น
  - หมั่นทำความสะอาด และดูดฝุ่นบ้านและม่านกันแดด เครื่องนอนควรจะซักและต้มสัปดาห์ละครั้ง
  - ความเครียด และความวิตกกังวล ไม่ว่าจากเรื่องงาน ครอบครัว หรืออื่นๆ ยิ่งเครียดมาก วิตกกังวลมาก อาการก็จะเป็นมากขึ้น
  - ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง จะช่วยลดอาการภูมิแพ้ลงได้
  - รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทานผักและผลไม้เยอะ หลีกเลี้ยงเนื้อสัตว์
  - รับประทานอาหารเสริมกลุ่มที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อให้ภูมิคุ้มกันที่บกพร่องกลับมาเป็นปกติ

หนังสืออ้างอิง: เบต้ากลูแคน ดีที่สุดในโลกที่มนุษย์เคยค้นพบ

ตัวอย่างการใช้เบต้ากลูแคนช่วยในการรักษาโรคภูมิแพ้

 โรคภูมิแพ้กับการใช้เบต้ากลูแคนจากยีสต์ดำ